เลือกใช้คอยล์แบบไหนดีระหว่าง Mesh Coils กับ Standard Coil
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการมา อาจจะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไรดี เพราะมีคอยล์ให้เลือกใช้หลายแบบเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นแบบ Mesh Coils กับ Standard Coil หากเป็นมือใหม่ก็อาจยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำงานอย่างไร และยิ่งต้องมาเลือกคอยล์อะไรแบบนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ วันนี้เราเลยมาพร้อมกับคำแนะนำในการเลือกคอยล์ฉบับรวบรัด ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าได้ถูกใจที่สุด แต่ก่อนอื่นเราจะไปเริ่มกันที่เรื่องพื้นฐานกันก่อนเลย
คอยล์บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร
ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกกันมากกว่านี้ เราขอแนะนำให้ทุกคนรู้หลักการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้าก่อน ว่าทำไมบุหรี่ไฟฟ้าของเราจำเป็นต้องใช้คอยล์ในการทำงาน และทำไมมันถึงสามารถเปลี่ยนน้ำยากลิ่นต่างๆ ให้กลายเป็นไอที่เราสูบได้อย่างไร โดยหลักการทำงานของคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าก็มีไม่ได้เข้าใจยากอะไรเลย เพราะมันทำหน้าที่แค่ส่งกระแสไฟผ่านขดลวดที่พันเป็นเกลียว เพื่อสร้างความร้อนที่มากพอจะทำให้น้ำยาระเหยเป็นไอได้ วัสดุ โครงสร้าง และความหนาของคอยล์ สามารถกำหนดปริมาณการผลิตไอน้ำที่ออกมาได้ ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญสุดในการเลือกบุหรี่ไฟฟ้าของคุณ
คอยล์บุหรี่ไฟฟ้าแบบ Standard Coil
คอยล์แบบนี้ใช้กันเป็นมาตรฐานในบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นลวดพันเป็นเกลียวคล้ายสปริง ขดลวดธรรมดาเหล่านี้มีตั้งแต่ขดลวดกลมธรรมดา ไปจนถึงขดลวดที่ใช้สายไฟหลายเส้นเพื่อสร้างเกลียวเส้นเดียว ขดลวดประเภทหนึ่งที่คุณอาจเคยได้ยินเรียกว่าขดลวด Clapton Coil ทำจากลวดที่บางกว่าพันรอบแกนหลายๆ รอบ ซึ่งทำให้มันมีลักษณะคล้ายกับสายกีตาร์ คอยล์แบบนี้ใช้กันมานานและสามารถหาซื้อได้ทั่วไป
ข้อดีของ Standard Coils
- ใช้น้ำยาประหยัดกว่าแบบ Mesh Coil
- ติดตั้งและบำรุงรักษาง่าย
- มีให้เลือกหลายแบบ
ข้อเสียของ Standard Coils
- คอยล์ไหม้เร็ว
- น้ำหนักที่มากเมื่อใช้ร่วมกับแบตเตอรี่
- กินไฟเยอะกว่า
- มีรสชาติน้อยกว่า Mesh Coils
บุหรี่ไฟฟ้าแบบ Standard Coils เหมาะกับใคร
คอยล์บุหรี่ไฟฟ้าแบบนี้มีมานานหลายปีแล้ว และคนส่วนใหญ่ก็ชอบที่จะใช้งานมัน ด้วยความที่มันใช้ง่าย มีตัวเลือกหลากหลาย สามารถปรับแต่งได้เองโดยไม่ต้องใช้ความรู้มากนัก ถ้าอยากให้ผลิตไอน้ำได้เยอะก็แค่เพิ่มขดลวดเข้าไปอีก ทำให้มันร้อนขึ้น และผลิตไอน้ำได้ พอๆ กับ Mesh Coils เลยก็ยังได้ แต่ก็มีข้อเสียคือการจะทำแบบนี้ได้ ต้องใช้พลังงานที่เยอะขึ้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่ทำให้คอยล์ไหม้เร็วด้วยเช่นกัน ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบความเรียบง่าย และการแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่เพิ่มไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะก็ บุหรี่ไฟฟ้าแบบ Standard Coils ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้แล้ว
คอยล์บุหรี่ไฟฟ้าแบบ Mesh Coils
มีข้อแตกต่างหลายอย่างระหว่าง Mesh Coils กับ Standard Coils แต่สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุดคือขดลวดแบบMesh จะมีลักษณะเหมือนแผ่นตาข่ายบางเฉียบที่โค้งงอ มันถูกออกแบบมาให้มีความต้านทานใกล้เคียงกับขดลวดแบบปกติ แต่ยังคงคุณสมบัติที่จะให้ความร้อนได้สม่ำเสมอ โครงสร้างแบบตาข่ายของมันสามารถทำความร้อนได้ดีขึ้น เร็วขึ้น ให้การตอบสนองได้ดีกว่าคอยล์แบบปกติ เนื่องจาก Mesh Coils มีพื้นที่ผิวที่ใหญ่กว่า มันจึงสามารถที่จะสร้างไอน้ำที่มีกลิ่นหอมกว่าคอยล์แบบทั่วไป
ข้อดีของ Mesh Coils
- ผลิตไอน้ำได้เยอะ
- ให้กลิ่นที่หอมกว่า
- มีอายุใช้งานที่นานขึ้น
- ประหยัดพลังงานกว่า
ข้อเสียของ Mesh Coils
- ไอน้ำเยอะเกินไป (บางคนอาจไม่ชอบ)
- เปลืองน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
- ติดตั้งและบำรุงรักษายาก
- เปราะบาง และง่ายต่อการเสียหาย
บุหรี่ไฟฟ้าแบบ Mesh Coils เหมาะกับใครบ้าง
นับตั้งแต่มันถูกคิดค้นขึ้นมา ขดลวดแบบ Mesh ก็ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เรามักจะเห็นมันในบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานวัตต์ต่ำ เนื่องจากไม่ต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อให้ได้ไอน้ำที่หนาแน่น และมีรสชาติ แต่ต้องแลกมากับการที่ต้องใช้น้ำยาเพิ่มขึ้น เพราะหน้าสัมผัสที่กว้างจึงทำให้อัตราการบริโภคน้ำยาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แถมยังมีข้อจำกัดในการติดตั้งเฉพาะกับระบบที่รองรับเท่านั้น
ทำให้มันเป็นคอยล์ที่ค่อนข้างใช้งานยากจุกจิก เมื่อเทียบกับ Standard Coils ทั่วๆ ไป แถมระหว่างติดตั้งก็ต้องคอยระวังเป็นพิเศษ ระวังตั้งแต่การไม่ให้ตาข่ายย่น และต้องมั่นใจว่าสำลีกดทับ Mesh Coils อย่างพอดีไม่งั้นจะทำให้คอยล์ไหม้ ถ้าสามารถรับมือกับข้อเสียเหล่านี้ได้ มันก็เป็นบุหรี่ไฟฟ้าในฝันของหลายๆ คน เลยก็ว่าได้
สรุปเลือกคอยล์แบบไหนดีที่สุด
คอยล์แบบ Mesh มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน เพราะข้อดีที่เหนือกว่าคอยล์ธรรมดาหลายอย่าง แม้ว่าคอยล์ธรรมดาจะโดดเด่นกว่าในเรื่องความเรียบง่าย แต่มันต้องใช้แหล่งพลังงานที่เยอะกว่าอย่างมากเพื่อให้ได้ปริมาณไอน้ำที่เยอะแบบที่หลายคนต้องการ Meshed coils จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายสุดสำหรับผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ต้องไอน้ำเยอะๆ แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า แต่ว่าต้องแลกกับข้อเสียของมันที่บริโภคน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองว่าจะชอบไหน จึงอยากแนะนำให้ลองทั้งสองระบบก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายเกินไป เพราะราคาทั้งบุหรี่ไฟฟ้าทั้งสองประเภทไม่ต่างกันมากนัก